เคยไหมกับการที่ออกกำลังกาย ควบคุมการกิน หรือแม้กระทั่งอดอาหารแต่ไขมันส่วนเกินก็ยังไม่ลดลงสักที โปรแกรม Coolsculpting คือตัวช่วยชั้นดีในการสลายไขมันสะสมที่ลดยากให้หายไปค่ะ ทำให้รูปร่างเพรียวสวย กระชับ ดูสมส่วนโดยไม่ต้องผ่าตัด ไม่ต้องดูดไขมันให้เจ็บตัว และไม่ต้องเสียเวลาพักฟื้น หลังทำสามารถกลับไปใช้ชีวิตประจำวันได้ตามปกติเลยค่ะ
บทความนี้จะพาเพื่อน ๆ ไปรู้จักกับ Coolsculpting คืออะไร ? ช่วยเรื่องไหน ? มีหลักการทำงานอย่างไรบ้าง ? สลายไขมันจุดไหนได้บ้าง ? ต้องทำกี่ครั้งถึงเห็นผล ? ไปดูพร้อมกันได้เลยค่ะ
สารบัญ Coolsculpting
ทำความรู้จัก Coolsculpting คืออะไร ? ช่วยเรื่องอะไรได้บ้าง ?
Coolsculpting คือ เทคโนโลยีการสลายไขมันด้วยความเย็น เป็นการทำลายไขมันผ่านกระบวนการไครโอไลโปไลซิส (Cryolipolysis) ซึ่งวิธีการนี้ถูกคิดค้น และพัฒนาโดย นายแพทย์ Dieter Manstein และ นายแพทย์ R.Rox Anderson จากมหาวิทยาลัย Harvard สหรัฐอเมริกา
โดยเครื่อง Coolsculpting สามารถกำจัดเซลล์ไขมันใต้ผิวหนัง (Subcutaneous Fat) ด้วยความเย็นติดลบ สามารถฆ่าเซลล์ไขมันให้ตายลงอย่างถาวร โดยไม่เกิดอันตรายต่อผิวชั้นนอก และเนื้อเยื่อบริเวณอื่นของร่างกาย มีความปลอดภัยสูงเพราะมีระบบ Freeze detect ที่ตรวจจับความเย็นในผิวชั้นบนหากพบว่าเย็นเกินไปเครื่องจะหยุดทำงานทันที โดยไม่ทำให้ผิวไหม้ หรือผิวเบิร์น
Coolsculpting มีหลักการทำงานอย่างไร ?
การทำงานของเครื่อง Coolsculpting จะส่งพลังงานความเย็นจัดในอุณหภูมิ -11°C ลงไปใต้ชั้นผิวหนัง แล้วเข้าสู่ชั้นไขมัน จากนั้นความเย็นจะทำให้เซลล์ไขมันตายลงโดยไม่กระทบกับเซลล์อื่น ๆ ค่ะ โดยหลังจากที่เซลล์ไขมันสลายตัว จะถูกกำจัด และขับออกจากร่างกายตามธรรมชาติ
ส่วนเซลล์ไขมันที่เหลือจะทำการจัดเรียงตัวใหม่ ทำให้ชั้นไขมันมีความบางลงค่ะ ส่งผลให้รูปร่างดูเพรียว กระชับ ได้สัดส่วนมากขึ้น โดยผลงานวิจัยทางการแพทย์หลายชิ้นยืนยันว่าการทำ Coolsculpting เพียง 1 ครั้ง สามารถลดจำนวนเซลล์ไขมันบริเวณที่ทำให้ตายลงอย่างถาวรได้
Coolsculpting ช่วยสลายไขมันจุดไหนได้บ้าง ?
Coolsculpting สามารถสลายไขมันส่วนเกินที่สะสมไว้ได้หลายจุดทั่วทั้งร่างกายค่ะ โดยจุดที่ได้รับความนิยมทำ มีดังนี้
- หน้าท้องหรือเอว บริเวณนี้นิยมทำ Coolsculpting มากที่สุดค่ะ เพราะเป็นไขมันดื้อลดยากต้องใช้เวลา การใช้เครื่อง Coolsculpting สามารถกำจัดไขมันบริเวณนี้ได้อย่างรวดเร็ว
- สะโพก เครื่องCoolsculpting จะช่วยลดความกว้างของสะโพก และไขมันด้านข้างได้ ทำให้บริเวณนี้มีความสมส่วนมากขึ้น
- ต้นขา ใครที่มีปัญหาขาเบียด ต้นขาใหญ่จากไขมันส่วนเกิน Coolsculpting ช่วยได้ค่ะ โดยกำจัดไขมันส่วนเกินของต้นขาด้านใน ต้นขาด้านนอก ช่วยลดความหนาของไขมันบริเวณหน้าขาได้อย่างถาวร
- แขน หากเพื่อน ๆ มีต้นแขนใหญ่ออกกำลังกายอย่างไรก็ไม่ลง Coolsculpting สามารถช่วยลดไขมันส่วนเกินบริเวณนี้ได้ค่ะ หลังทำสามารถกำจัดไขมันต้นแขนออกอย่างถาวร เห็นผลลัพธ์ได้รวดเร็วค่ะ
ข้อดี Coolsculpting มีหลายหัว จึงกำจัดไขมันได้หลายส่วน
เครื่อง Coolsculpting ใช้หัวที่เป็นแรงดูดสูญญากาศ โดยขนาดหัวในแบบต่าง ๆ สามารถใช้กำจัดไขมันได้หลายตำแหน่ง ซึ่งรูปทรงของหัวที่ใช้สลายไขมันบริเวณต่าง ๆ มีดังนี้
- หัว Cooladvantage เป็นตัวที่ได้รับความนิยมมากที่สุด เหมาะสำหรับคนที่มีไขมันปานกลาง สามารถทำได้ทั้ง 7 จุด ได้แก่ บริเวณหน้าอก (ผู้ชาย), หน้าท้อง, ปีกหลัง, เอว, ขาด้านใน และใต้ก้น
- หัว CoolAdvantage Petite เหมาะสำหรับคนตัวเล็ก ผู้ที่มีไขมันไม่หนามากหรือคนที่เคยทำ Coolsculpting ด้วยหัว Cooladvantage ไปแล้ว โดยสามารถทำได้ทั้ง 7 จุด ได้แก่ บริเวณหน้าอก (ผู้ชาย), หน้าท้อง, ปีกหลัง, เอว, ขาด้านใน และใต้ก้น
- หัว Cool Advantage Plus เป็นหัวขนาดใหญ่ เหมาะสำหรับผู้ที่มีไขมันสะสมเยอะ สามารถลดไขมันบริเวณกว้างได้ เช่น บริเวณท้อง, เอว
- หัว Cool Mini เป็นหัวขนาดเล็ก เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการลดไขมันบริเวณเหนียง เนื้อที่ปลิ้นออกมาใต้รักแร้ เนื้อย้วยเป็นก้อนเหนือเข่าที่แม้จะออกกำลังกายแล้วก็ยังไม่เห็นผล
- หัว Cool Smooth Pro เป็นหัวที่ใช้สำหรับบริเวณขาด้านนอก และใต้สะโพกลงมา (บางคลินิกจะใช้หัวนี้ทำ sixpack ด้วยค่ะ)
ในการทำ Coolsculpting เพื่อน ๆ จะต้องให้แพทย์ประเมินส่วนที่ต้องการกำจัดไขมันก่อนนะคะ เพื่อเลือกใช้หัวให้เหมาะกับขนาดพื้นที่ที่ต้องการทำ เช่น บริเวณเอว หน้าท้องที่มีไขมันเยอะ จึงต้องเลือกใช้หัวแบบใหญ่เพื่อทำการกำจัดไขมันเป็นบริเวณกว้าง
หากเพื่อน ๆ มีไขมันส่วนเกินสะสมอยู่ในร่างกายหลายส่วน สามารถนำข้อกังวลใจเข้าปรึกษาแพทย์เพื่อประเมินปัญหา และสามารถทำ Coolsculpting พร้อมกันได้หลายจุดภายใต้คำแนะนำของแพทย์ค่ะ
ใครที่เหมาะกับการทำ Coolsculpting ?
Coolsculpting สามารถกำจัดไขมันส่วนเกินที่ลดยากได้อย่างมีประสิทธิภาพเลยค่ะ จึงเหมาะกับเพื่อน ๆ ที่พยายามลดด้วยการออกกำลังกาย ควบคุมอาหารแล้ว แต่ไขมันส่วนเกินก็ยังไม่ลงสักที รวมไปถึงบุคคลเหล่านี้
- ผู้ที่ต้องการเห็นผลลัพธ์อย่างรวดเร็ว สามารถลดไขมันส่วนเกินได้ในระยะเวลาสั้น ๆ
- ผู้ที่ไม่มีเวลาออกกำลังกาย แต่อยากลดสัดส่วนให้หุ่นเพรียวเร็ว
- ผู้ที่มีน้ำหนักตัวปกติหรือน้ำหนักเกิน แต่มีไขมันส่วนเกินเฉพาะบริเวณ เช่น หน้าท้อง สะโพก ต้นแขน
- ผู้ที่ต้องการลดไขมันส่วนเกินที่ลดได้ยาก แม้จะออกกำลังกาย และควบคุมอาหารแล้วก็ยังไม่เห็นผล
- ผู้ที่มีปัญหาไขมันส่วนเกินระดับปานกลาง (BMI < 35) ในบริเวณต่าง ๆ ของร่างกาย
- ผู้ที่ไม่ต้องการผ่าตัดหรือเจ็บตัวจากการดูดไขมัน ไม่ต้องการให้มีแผล และไม่อยากเสียเวลาพักฟื้น
ทำ Coolsculpting กี่ครั้งถึงช่วยสลายไขมัน ?
การทำ Coolsculpting เพียง 1 ครั้ง สามารถสลายไขมันได้แล้วค่ะ โดยจะใช้ความเย็นในระดับจุดเยือกแข็งทำให้เซลล์ไขมันตายลงได้ 20-30% เลยทีเดียว และการใช้เครื่อง Coolsculpting เพียง 1 หนีบ จะสามารถกำจัดไขมันได้ถึง 60-70 cc เพื่อน ๆ สามารถเห็นผลลัพธ์ได้ตั้งแต่ครั้งแรกที่ทำเลยค่ะ
หลังทำ Coolsculpting กี่วันเห็นผล ?
หลังจากทำ CoolSculpting ผลลัพธ์จะเริ่มปรากฏชัดเจนภายในช่วง 3-4 สัปดาห์แรก โดยเพื่อน ๆ จะสังเกตได้ว่าสัดส่วนเริ่มกระชับขึ้น ดูเล็กลง ซึ่งในช่วง 1-2 สัปดาห์แรก ยังมีเซลล์ไขมันที่ตายแล้วตกค้างอยู่ ร่างกายจะค่อย ๆ ทำการกำจัดเซลล์ไขมันที่ตายแล้วออกไป โดยเพื่อน ๆ สามารถเห็นผลลัพธ์เต็มที่ภายใน 3 เดือนค่ะ
สรุป
Coolsculpting เป็นตัวช่วยลดไขมันส่วนเกินของร่างกายได้หลายส่วน เหมาะกับคนที่ต้องการลดไขมันเฉพาะจุด ช่วยให้สัดส่วนกระชับ รูปร่างเพรียวสวยได้โดยไม่ต้องเจ็บตัว ไม่ต้องผ่าตัด มีความปลอดภัย และให้ผลลัพธ์ที่ถาวร
สำหรับเพื่อน ๆ คนไหนที่สนใจต้องเลือกคลินิกที่ได้มาตรฐาน ใช้เครื่องแท้ และอย่าลืมนำจุดที่กังวลใจเข้าไปปรึกษาแพทย์ เพื่อทำการประเมินปัญหา และให้คำแนะนำในการทำ Coolsculpting อย่างเหมาะสมค่ะ