HIFU
ยกกระชับผิว ลดเลือนริ้วรอย และปรับหน้าให้เรียวสวยไม่ผ่าตัด หรือฉีดสารใด ๆ ขอแนะนำให้รู้จักกับ HIFU ค่ะ ซึ่งเป็นหัตถการที่ใช้คลื่นอัลตราซาวนด์ในการยกกระชับ โดยไม่ก่อให้เกิดบาดแผลบนผิวชั้นนอก
ใครที่กำลังสนใจหัตถการนี้อยู่ มารวมกันตรงนี้เลยค่ะ Thaibestbeauty ได้รวบรวมสิ่งที่ทุกคนควรรู้ก่อนตัดสินใจทำ HIFU ครั้งแรก ไม่ว่าจะเป็น คืออะไร ? เจ็บไหม ? ทำตำแหน่งไหน ? แต่ละจุดใช้กี่ไลน์ ? มีข้อดี-ข้อเสียอะไร ? กี่วันเห็นผล ? อยู่ได้กี่เดือน ? และราคาบุพเฟ่ต์ไม่จำกัดช็อตดีจริงไหม ?
HIFU คืออะไร ?
HIFU (High Intensity Focus Ultrasound) คือ นวัตกรรมการยกกระชับผิวด้วยคลื่นอัลตราซาวนด์ ซึ่งไม่ใช่การผ่าตัดหรือใช้เข็ม จึงไม่ทำร้ายผิวชั้นนอก และไม่ก่อให้เกิดอันตรายกับดวงตาอีกด้วยค่ะ โดย HIFU สามารถทำได้ทั้งบริเวณใบหน้าและลำตัว
เครื่องจะส่งคลื่นอัลตราซาวนด์ความเข้มข้นสูง ที่มีลักษณะเป็นจุดพลังงานขนาด 0.5-1 mm เรียงต่อกันเป็นเส้น เข้าไปยังชั้นผิวที่ต้องการ โดยสามารถลงได้ลึกถึงผิวชั้น SMAS ทำให้ผิวหนังหดตัวเหมือนการเย็บผิวค่ะ รวมถึงช่วยกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนและเนื้อเยื่อใหม่ ผิวบริเวณนั้น ๆ จึงมีความแน่น และกระชับมากขึ้น ริ้วรอยต่าง ๆ จึงดูจางลงอีกด้วย
HIFU เจ็บไหม ?
การทำ HIFU เจ็บค่ะ แต่เป็นระดับความเจ็บที่สามารถทนไหว โดยจะรู้สึกปวดตึงใต้ชั้นผิว
เพราะการทำ HIFU ให้ได้ประสิทธิภาพในการยกกระชับ และคงผลลัพธ์ให้อยู่ได้นาน จำเป็นจะต้องส่งพลังงานลงไปลึกถึงผิวชั้น SMAS ซึ่งเป็นชั้นเดียวกับการผ่าตัดศัลยกรรมดึงหน้าค่ะ เมื่อผิวชั้นนี้กระชับ ก็จะทำให้ผิวชั้นตื้นกว่ากระชับไปด้วย เรียกได้ว่า ยิ่งเจ็บก็ยิ่งสวยนะคะ
สำหรับใครที่กังวลเรื่องความเจ็บมาก ๆ ขอบอกก่อนว่า โดยทั่วไปคลินิกความงามจะแปะยาชาให้ก่อนทำหัตถการนี้ค่ะ แต่ถ้าไม่สามารถทนความเจ็บได้จริง ๆ สามารถขอให้คุณหมอปรับลดระดับพลังงานลงได้ แต่จำเป็นต้องเพิ่มความถี่ในการทำหัตถการแทน เพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่ดีเหมือนกัน ดังนั้นถ้าใครทนเจ็บไหว ก็ลุยไปเลยค่ะ รับรองว่า ผลลัพธ์ปังแน่นอน
ทำ HIFU ตำแหน่งไหนได้บ้าง ? ช่วยอะไร ?
HIFU มีให้เลือกหลายหัว เพื่อให้เหมาะกับระดับความลึกของแต่ละชั้นผิวค่ะ จุดเด่นคือเครื่องจะเน้นเรื่องการยกกระชับ และกระตุ้นคอลลาเจนได้ทุกชั้นผิว ทำให้ผิวแน่นขึ้น แก้ปัญหาริ้วรอย และผิวหย่อนคล้อยได้เป็นอย่างดี รวมถึงยังช่วยป้องกันความหย่อนคล้อยของผิวในอนาคตอีกด้วย นอกจากนี้คลื่นอัลตราซาวนด์นั้นมีความปลอดภัย ทำให้สามารถทำ HIFU ได้ทั้งบริเวณใบหน้าและลำตัว โดยจะช่วยแก้ปัญหาต่าง ๆ ดังนี้
HIFU ใต้ตา
เนื่องจาก HIFU ใช้คลื่นอัลตราซาวนด์ จึงไม่เป็นอันตรายต่อดวงตาเหมือนกับหัตถการที่เป็นเลเซอร์หรือคลื่นแสงค่ะ นิยมทำบริเวณผิวรอบดวงตา เพื่อแก้ปัญหาริ้วรอยรอบดวงตา รอยตีนกา รอยหางตา ถุงใต้ตา แก้หนังตาตก หรือยกหางคิ้ว รวมถึงปรับให้ผิวกระชับและเรียบเนียน
นอกจากนี้ยังสามารถทำ HIFU ร่วมกับหัตถการอื่น ๆ ได้ เช่น การฉีดฟิลเลอร์ใต้ตา เพื่อทดแทนกระดูกใต้ตาที่ยุบตัว และใช้ HIFU ใต้ตา เพื่อเก็บรายละเอียดเล็ก ๆ บนผิวชั้นบน ซึ่งจะทำให้ได้ผลลัพธ์ที่ปังมากค่ะ
HIFU ลดแก้ม
ช่วยลดไขมันบางส่วนบริเวณแก้ม ยกแก้มที่หย่อนคล้อยให้กระชับขึ้น และยังช่วยเก็บกรอบหน้าให้ได้รูปวีเชฟ รวมถึงยังช่วยกระตุ้นให้ร่างกายสร้างคอลลาเจนใหม่ที่แข็งแรงขึ้น สำหรับใครที่มีปัญหาแก้มหย่อนคล้อยมาก ๆ สามารถทำ HIFU ลดแก้ม ร่วมกับการร้อยไหมได้ค่ะ
HIFU ลดเหนียง
เหนียงเกิดจากการสะสมไขมันส่วนเกิน หรือความหย่อนคล้อยของผิวหนัง ทำให้ดูเหมือนมีคางสองชั้นได้ค่ะ การทำ HIFU ลดเหนียงจะทำให้ผิวใต้คางมีความกระชับมากขึ้น เหนียงใต้คางจึงดูลดลง แต่ถ้าใครมีไขมันสะสมมาก ๆ สามารถทำร่วมกับเมโสแฟตบริเวณเหนียงได้ค่ะ ซึ่งจะช่วยลดไขมันส่วนเกิน ช่วยเสริมให้ผลลัพธ์ปังที่สุด
HIFU ทั้งตัว
สำหรับใครที่ต้องการยกกระชับผิวในจุดอื่น ๆ ของร่างกาย เช่น คอ ต้นแขน ต้นขา เอว หน้าท้อง และสะโพก ก็สามารถทำ HIFU ได้ค่ะ เพราะมีหัวยิงให้เลือกที่หลากหลาย และเหมาะกับระดับความลึกของผิวในจุดต่าง ๆ
HIFU แต่ละจุดใช้กี่ช็อต (Shot) / กี่ไลน์ (Line) เห็นผล ?
หน่วยการทำ HIFU จะเรียกเป็น Line ค่ะ เพราะเครื่องจะส่งพลังงานจุดโฟกัสที่เรียงต่อกันเป็นเส้นคล้ายจุดไข่ปลา โดย 1 Line จะมีประมาณ 15-25 จุด ก่อนการทำ HIFU คุณหมอจะประเมินจำนวน Line ที่ควรใช้ เพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่ดี จากปัจจัยต่าง ๆ ของคนไข้ เช่น จุดที่จะทำ HIFU สภาพผิว ความหย่อนคล้อย หรือปริมาณไขมันสะสม
สำหรับใครที่กำลังส่องคอร์ส HIFU ในคลินิกต่าง ๆ ด้วยตัวเอง คงจะสังเกตเห็นว่า ราคาคอร์สจะระบุเป็นจำนวน Line และราคาบริการ งั้นเรามาดูกันค่ะ ว่าจำนวนไลน์เท่านี้ จะใช้แก้ปัญหาในจุดไหนได้บ้าง ?
- 100 Line แก้ม หรือเหนียง
- 300 Line แก้ม+เหนียง หรือ ใต้ตา+ร่องแก้ม
- 600 Line ทั่วหน้า หรือต้นแขน
- 1,000 Line ทั่วหน้า+คอ หรือต้นขา
HIFU มีข้อดี-ข้อเสียอะไรบ้าง ?
HIFU ข้อดี
- ใช้ HIFU ในการปรับรูปหน้า เช่น เก็บกรอบหน้าให้หน้าเรียว หรือแก้ปัญหาหนังตาตก โดยไม่จำเป็นต้องผ่าตัด หรือใช้เข็ม
- HIFU มีความปลอดภัยต่อผิว เพราะเป็นการยกกระชับด้วยคลื่นอัลตราซาวนด์ จึงไม่ทำร้ายหรือก่อให้เกิดบาดแผลบริเวณผิวหนังชั้นนอก
- HIFU ไม่อันตรายต่อสายตาค่ะ จึงสามารถทำบริเวณใต้ตา และรอบดวงตาได้โดยตรง
- ช่วยกระตุ้นให้ผิวสร้างคอลลาเจน ทำให้ผิวยกกระชับมากขึ้น และสามารถแก้ปัญหาริ้วรอยเล็ก ๆ ที่ความลึกไม่มากได้ รวมถึงช่วยสลายไขมันได้บางส่วน
- ช่วยป้องกันการเกิดริ้วรอย หรือความหย่อนคล้อยของผิวในอนาคต
- สามารถเห็นการเปลี่ยนแปลงได้ทันทีประมาณ 20% หลังทำ HIFU ค่ะ โดยจะเห็นผลลัพธ์เต็มที่ใน 3-4 เดือน
- สามารถใช้เครื่อง HIFU ยกกระชับผิวได้ในหลายจุดของร่างกาย เพราะมีหัวยิงที่หลากหลาย ตามระดับความลึกของชั้นผิว
- HIFU เป็นนวัตกรรมที่สามารถยกกระชับผิวได้ลึกถึงชั้น SMAS ซึ่งเป็นชั้นเดียวกับการผ่าตัดศัลยกรรมดึงหน้า และช่วยยกกระชับผิวได้อย่างมีประสิทธิภาพ โดยไม่ก่อให้เกิดบาดแผลบนผิวชั้นนอก
- HIFU เป็นหัตถการที่ไม่ก่อให้เกิดบาดแผล หลังทำจึงสามารถกลับบ้านได้เลย ไม่ต้องพักฟื้นนาน ๆ และไม่ต้องดูแลตัวเองมากเป็นพิเศษ
- สามารถทำ HIFU บ่อย ๆ หรือทำร่วมกับหัตถการอย่างอื่นได้ค่ะ แต่แนะนำให้ปรึกษากับคุณหมอก่อน ซึ่งจะช่วยวางแผน และจัดลำดับ เพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่ดีที่สุด
HIFU ข้อเสีย
- ผู้ที่มีผิวบาง อาจเกิดรอยแดงเล็กน้อยหลังทำ HIFU ซึ่งจะสามารถหายได้เองใน 1-2 ชั่วโมง
- การทำ HIFU เจ็บค่ะ แต่เป็นระดับความเจ็บที่สามารถทนได้ โดยจะรู้สึกปวดตึงใต้ชั้นผิว สำหรับใครที่ไม่สามารถทนไหวจริง ๆ สามารถปรับลดพลังงานลง และอาศัยความถี่ในการทำหัตถการแทนค่ะ
- ถ้าใช้เครื่อง HIFU ที่ไม่ได้มาตรฐาน จะทำให้การปล่อยพลังงานไม่เสถียร จนอาจไม่เห็นการเปลี่ยนแปลงหลังทำ หรือร้ายแรงสุดคือหน้าไหม้ หน้าบวม และอาจโดนเส้นประสาทจนทำให้หน้าเบี้ยวได้
HIFU กี่วันเห็นผล ?
หลังทำ HIFU สามารถเห็นผลการเปลี่ยนแปลงได้ทันทีค่ะ โดยผิวจะยกกระชับขึ้นประมาณ 20% เพราะชั้นผิวหดตัวจากความร้อนอุณหภูมิ 60-70°C ที่เกิดจากพลังงานของเครื่อง HIFU คล้าย ๆ กับการที่เรานำเนื้อไปจี่บนกระทะแล้วเนื้อหดเล็กลงนั่นเอง หลังจากนั้น 1-2 เดือน เมื่อร่างกายสร้างคอลลาเจนใหม่ ผิวจะค่อย ๆ กระชับ และเห็นผลลัพธ์เต็มที่ใน 3-4 เดือนค่ะ
ถ้าใครอยากให้ผิวกระชับมากยิ่งขึ้น สามารถกลับมาทำ HIFU เพิ่มได้ในทุก 3 เดือนค่ะ เพื่อกระตุ้นให้เซลล์ไฟโบรบลาสต์ สร้างคอลลาเจนได้อย่างเต็มที่ จากนั้นสามารถกลับมาทำซ้ำได้ทุก 6 เดือน เพื่อคงผลลัพธ์ และป้องกันการหย่อนคล้อยของผิวในอนาคต
HIFU อยู่ได้กี่เดือน ?
โดยเฉลี่ยผลลัพธ์หลังการทำ HIFU จะอยู่ได้ประมาณ 5-6 เดือนค่ะ แต่ในบางรายอาจอยู่ได้นานถึง 1 ปีเลย
ซึ่งจะขึ้นอยู่กับว่า ระหว่างยิงพลังงานคนไข้สามารถทนความเจ็บได้มากน้อยแค่ไหน และหลังจากทำ HIFU แล้วดูแลตัวเองถูกวิธีไหม
ทำไมราคา HIFU แต่ละคลินิกไม่เท่ากัน ? แบบบุพเฟ่ดีจริงไหม ?
ราคาคอร์ส HIFU แต่ละคลินิกจะขึ้นอยู่กับจำนวน Line หรือโปรโมชันสนับสนุนการขายค่ะ แต่ถ้าคลินิกใช้เครื่อง HIFU ที่ได้มาตรฐาน ราคาจะไม่แตกต่างกันมาก
ซึ่ง 100 Line ราคามาตรฐานจะอยู่ที่ประมาณ 4,000 บาทค่ะ เพราะหัวยิงที่ใช้สำหรับทำ HIFU จะมีราคาต้นทุน เมื่อยิงครบจำนวน 20,000 Line จำเป็นต้องเปลี่ยนหัวใหม่ทันที เอามารีไซเคิลไม่ได้นะคะ ถ้าคลินิกความงามตั้งราคาคอร์ส HIFU ที่ต่ำมากเกินไป ก็จะขาดทุนอย่างแน่นอนค่ะ
ดังนั้น ถ้าใครเจอคอร์ส HIFU แบบบุพเฟ่ต์ไม่จำกัดช็อตหรือไลน์ ลดแลกแจกแถมกันสุด ๆ จนราคาถูกมาก ๆ แนะนำให้ระวังไว้ดีกว่าค่ะ
เพราะคลินิกอาจใช้เครื่อง HIFU ที่เกรดต่ำ ทำให้เครื่องปล่อยพลังงานไม่เสถียร บางจุดอาจเบาเกินไปจนไม่เห็นการเปลี่ยนแปลง หรือบางจุดอาจแรงเกินไปจนเสี่ยงเกิดปัญหาผิวเบิร์นได้
แนะนำว่า การทำ HIFU ให้ปลอดภัย และได้ผลลัพธ์ที่พึงพอใจ ก่อนตัดสินใจซื้อคอร์สควรเช็ก ว่าใช้เครื่องยี่ห้อไหน ? นำเข้าจากประเทศอะไร ? คุณภาพดีจริงไหม ? หรือโปรโมชันนั้นน่าเชื่อถือมากแค่ไหน ?
สรุปเรื่องการทำ Hifu
HIFU คือ นวัตกรรมยกกระชับใบหน้า ที่ใช้คลื่นอัลตราซาวนด์ส่งพลังงานความร้อนลงสู่ผิว นิยมใช้เพื่อปรับให้ผิวแน่นมากขึ้น แก้ปัญหาผิวหย่อนคล้อย และชะลอการเกิดริ้วรอยในอนาคต โดยไม่เกิดรอยแผลด้านบนผิวหนัง จึงเป็นวิธีที่ตอบโจทย์กับผู้ที่ไม่อยากผ่าตัด หรือฉีดสารใด ๆ เข้าสู่ร่างกายเป็นที่สุด
สำหรับใครที่อยากทำ HIFU ให้ได้ผลลัพธ์ดี แนะนำให้เลือกคลินิกความงามที่น่าเชื่อถือ ใช้เครื่องที่ได้มาตรฐาน และราคาที่สมเหตุสมผล เพียงเท่านี้ก็หมดปัญหาทำ HIFU แล้วไม่ได้ผล หรือกังวลเรื่องผิวเบิร์นแล้วค่ะ