ฉีดฟิลเลอร์ใต้ตาราคา
การฉีดฟิลเลอร์ใต้ตา นอกจากการเลือกแพทย์ เลือกคลินิก เลือกใช้ฟิลเลอร์แท้ได้มาตรฐาน เพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่ดีแล้ว ยังต้องเลือกฉีดฟิลเลอร์ใต้ตาราคาคุ้มค่าและเหมาะสมด้วยค่ะ
สำหรับใครที่กำลังวางแผนจะฉีดฟิลเลอร์ใต้ตา และยังมีข้อสงสัยเกี่ยวกับราคาค่าใช้จ่าย ในบทความนี้ Thaibestbeauty ได้รวบรวมข้อมูลเกี่ยวกับ ฉีดฟิลเลอร์ใต้ตาราคาเท่าไหร่ ? ควรใช้ยี่ห้อไหนบ้าง ? แต่ละยี่ห้อราคาเท่าไหร่ ? ควรใช้กี่ CC ? อยู่ได้นานแค่ไหน ? วิธีดูแลตัวเองหลังทำ และข้อพึงระวังก่อนฉีดฟิลเลอร์ใต้ตาราคาถูกเอาไว้ให้แล้ว
สารบัญ ฉีดฟิลเลอร์ใต้ตาราคา
ปัจจัยที่ส่งผลต่อราคาฉีดฟิลเลอร์ใต้ตา มีอะไรบ้าง ?
ฉีดฟิลเลอร์ใต้ตาราคาเท่าไร ? ทำไมราคาฉีดใต้ตาในแต่ละคลินิกไม่เท่ากัน ? เป็นคำถามที่หลายคนสงสัย โดยปัจจัยที่ทำให้การฉีดฟิลเลอร์ใต้ตาราคาแตกต่างกัน มีดังนี้
- ยี่ห้อและรุ่นฟิลเลอร์ : การฉีดฟิลเลอร์ใต้ตาราคาแต่ละรุ่น แต่ละยี่ห้อแตกต่างกัน เนื่องจากเทคโนโลยีที่ใช้ในการผลิตต่างกัน ทำให้ได้เนื้อฟิลเลอร์ที่มีคุณสมบัติโดดเด่น และอายุการใช้งานที่ไม่เท่ากัน โดยฟิลเลอร์จากฝั่งยุโรปจะมีราคาเริ่มต้นสูงกว่าฟิลเลอร์จากฝั่งเอเชีย แต่ระยะเวลาจะคงอยู่ได้นานกว่า
- ปริมาณฟิลเลอร์ที่ใช้ : โดยทั่วไปแล้วการฉีดฟิลเลอร์ใต้ตาใช้ฟิลเลอร์ประมาณ 2-4 CC สำหรับใต้ตาทั้งสองข้าง ดังนั้นหากมีการใช้ปริมาณ CC ที่มากขึ้นในการเติมฟิลเลอร์ใต้ตา ราคาก็จะเพิ่มขึ้น
- ค่าประสบการณ์แพทย์ : การฉีดฟิลเลอร์ใต้ตาเป็นหัตถการที่ต้องอาศัยความละเอียด และความชำนาญของแพทย์ เนื่องจากใต้ตาเป็นบริเวณที่มีความซับซ้อนค่อนข้างมาก หากแพทย์มีประสบการณ์และเทคนิคสูง จะสามารถฉีดได้อย่างปลอดภัยและให้ผลลัพธ์ที่ดูเป็นธรรมชาติ ค่ามือหมอจึงอาจสูงกว่าแพทย์ทั่วไป
- โปรโมชั่นการตลาด : คลินิกหลายแห่งมักจัดโปรโมชั่นการฉีดฟิลเลอร์ใต้ตาราคาพิเศษเพื่อดึงดูดลูกค้า เช่น โปรโมชั่นราคาพิเศษช่วงเทศกาล หรือการมอบส่วนลดเมื่อซื้อฟิลเลอร์หลาย CC ในครั้งเดียว นอกจากนี้ยังมีการให้ส่วนลดแลกกับการอนุญาตให้ใช้ภาพเป็นเคสรีวิว ทำให้การฉีดฟิลเลอร์ใต้ตาราคาจึงอาจถูกลงในบางกรณี
ฉีดฟิลเลอร์ใต้ตาราคาเท่าไหร่ ?
โดยทั่วไปการฉีดฟิลเลอร์กับคลินิกที่ได้มาตรฐาน จะฉีดฟิลเลอร์ใต้ตาราคาเริ่มต้นที่ 9,900.- บาทต่อ 1 CC ขึ้นอยู่กับยี่ห้อ-รุ่นของฟิลเลอร์ปริมาณ CC ที่ใช้ และคลินิกที่ฉีด โดยการเลือกฉีดฟิลเลอร์ใต้ตาแนะนำให้พิจารณาจากปัจจัยต่าง ๆ เช่น
- ปัญหาใต้ตา : ต้องการแก้ไขปัญหาใด เช่น ใต้ตาลึก ใต้ตาคล้ำ มีร่องใต้ตา หรือถุงใต้ตา
- งบประมาณ : สามารถจ่ายได้เท่าไร ?
นอกจากนี้ ควรศึกษาข้อมูลเกี่ยวกับฟิลเลอร์แต่ละยี่ห้อและคลินิกที่ฉีดให้ดีก่อนตัดสินใจฉีด เพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่ดีและปลอดภัย
ราคาฟิลเลอร์ใต้ตา ยี่ห้อ Juvederm ประเทศอเมริกา
ฟิลเลอร์ Juvederm จากประเทศอเมริกา นำเข้าและจัดจำหน่ายโดยบริษัท แอลเลอร์แกน (ประเทศไทย) จำกัด ผ่านการรับรองจาก US FDA และ อย. ประเทศไทย
ใช้เทคโนโลยีการผลิตลิขสิทธิ์เฉพาะที่เน้นความเป็นธรรมชาติ คือ Hylacross Technology และ Vycross Technology ทำให้ได้เนื้อฟิลเลอร์ที่อยู่ได้นานขึ้น มีความยืดหยุ่นสูง ทนต่อการขยับได้ดี หลังฉีดให้ผลลัพธ์ดูเป็นธรรมชาติ กระจายตัวได้ดี ไม่จับตัวเป็นก้อน
โดยรุ่นที่เหมาะกับการฉีดฟิลเลอร์ใต้ตาราคาต่อ 1 CC มีดังนี้
- Juvederm Voluma ราคาประมาณ 12,500 บาท
- Juvederm Volite ราคาประมาณ 12,900 บาท
- Juvederm Volux ราคาประมาณ 18,000 บาท
ราคาฟิลเลอร์ใต้ตา ยี่ห้อ Restylane ประเทศสวีเดน
ฟิลเลอร์ Restylane จากประเทศ สวีเดน นำเข้าและจัดจำหน่ายในประเทศไทยโดยบริษัท กัลเดอร์มา (ประเทศไทย) จำกัด ซึ่งเป็นบริษัทยาชั้นนำระดับโลก ผ่านการรับรองจาก US FDA และ อย. ประเทศไทย
ใช้ 2 เทคโนโลยีการผลิตที่สำคัญอย่าง NASHA Techology และ OBT Technology ทำให้ได้เนื้อฟิลเลอร์ที่มีคุณสมบัติหลากหลาย มีความยืดหยุ่น และคงตัวได้ดี ให้ผลลัพธ์ที่เนียนเรียบเป็นธรรมชาติ
โดยรุ่นที่เหมาะกับการฉีดฟิลเลอร์ใต้ตาราคาต่อ 1 CC มีดังนี้
- Restylane Defyne ราคาประมาณ 14,000 บาท
- Restylane Vital Light ราคาประมาณ 12,000 บาท
- Restylane Vital ราคาประมาณ 16,900 บาท
- Restylane Perlane lyft ราคาประมาณ 12,500 บาท
- Restylane Classic ราคาประมาณ 9,900 บาท
ราคาฟิลเลอร์ใต้ตา ยี่ห้อ Belotero ประเทศสวิตเซอร์แลนด์
ฟิลเลอร์ Belotero จากประเทศ สวิตเซอร์แลนด์ นำเข้าและจัดจำหน่ายในประเทศไทย โดยบริษัท เมิร์ซ เฮลธ์แคร์ (ประเทศไทย) จำกัด ผ่านการรับรองโดย อย. สหรัฐอเมริกา ยุโรปและไทย
ด้วยเทคโนโลยีการผลิตอย่าง CPM Technology ทำให้ได้เนื้อฟิลเลอร์ที่ปรับสภาพเข้ากับผิวได้ดี มีความยืดหยุ่น ให้ผลลัพธ์หลังฉีดที่เรียบเนียน ดูเป็นธรรมชาติ
โดยรุ่นที่เหมาะกับการฉีดฟิลเลอร์ใต้ตาราคาต่อ 1 CC มีดังนี้
- Belotero Volume ราคาประมาณ 9,900 บาท
- Belotero Revive ราคาประมาณ 14,000 บาท
- Belotero Soft ราคาประมาณ 9,900 บาท
ราคาฟิลเลอร์ใต้ตา ยี่ห้อ Flore ประเทศเกาหลี
ฟิลเลอร์ยี่ห้อ Flore จากประเทศเกาหลีใต้ นำเข้าและจัดจำหน่ายในประเทศไทยโดยบริษัท บอน-ซองจำกัด ได้มาตรฐานและผ่านการรับรองจากองค์การอาหารและยา (อย.) ของประเทศไทย เกาหลี และอเมริกา
ด้วย 2 เทคโนโลยีการผลิต HCCL™Technology และ Particle Plastic Process ทำให้ฉีดแล้วปั้นทรงง่าย ขึ้นรูปได้ดี ไม่เป็นก้อน ได้ผลลัพธ์ที่เป็นธรรมชาติ ถือเป็นฟิลเลอร์เกาหลีมาตรฐานยุโรปในราคาที่ย่อมเยา
โดยรุ่นที่เหมาะกับการฉีดฟิลเลอร์ใต้ตาราคาต่อ 1 CC มีดังนี้
- Flore AQUA-S ราคาประมาณ 9,900 บาท
ฟิลเลอร์ใต้ตาแต่ละยี่ห้อ แต่ละรุ่น อยู่ได้นานแค่ไหน ?
นอกจากการฉีดฟิลเลอร์ใต้ตาราคาแต่ละยี่ห้อ แต่ละรุ่น จะแตกต่างกันแล้ว ระยะเวลายังอยู่ได้นานต่างกันด้วย ขึ้นอยู่กับปัจจัยหลายประการ เช่น เนื้อฟิลเลอร์ โมเลกุลของฟิลเลอร์ เทคนิคการฉีด และการดูแลหลังการฉีด โดยทั่วไปแล้วฟิลเลอร์จะอยู่ได้นานประมาณ 6-24 เดือน ดังนี้
ระยะเวลาฟิลเลอร์ใต้ตายี่ห้อ Juvederm
- Juvederm Voluma อยู่ได้นานประมาณ 18 เดือน มีเนื้อฟิลเลอร์ที่คงทน ขึ้นทรงได้ดี มีความยืดหยุ่นสูง ฟูปานกลาง เหมาะกับฉีดแก้ปัญหาใต้ตาชั้นลึก
- Juvederm Volite อยู่ได้นานประมาณ 8-12 เดือน มีเนื้อฉ่ำ เหมาะกับฉีดเติมเต็มใต้ตาชั้นตื้นในคนผิวบางที่ไม่มากเกินไป
- Juvederm Volux อยู่ได้นานประมาณ 18-24 เดือน มีเนื้อทน มีความยืดหยุ่นมาก เหมาะกับการฉีดเสริมกระดูกใต้ตาชั้นลึกได้
ระยะเวลาฟิลเลอร์ใต้ตายี่ห้อ Restylane
- Restylane Defyne อยู่ได้นานประมาณ 18 เดือน มีเนื้อทน มีความยืดหยุ่นและอุ้มน้ำได้ดี เหมาะกับฉีดเสริมกระดูกที่ยุบตัวให้ตื้น ผิวใต้ตาดูเต็มขึ้น
- Restylane Vital Light อยู่ได้นานประมาณ 6-12 เดือน มีเนื้อฉ่ำ มีความละเอียดมากที่สุด เหมาะกับฉีดแก้ปัญหาร่องใต้ตาชั้นบน รวมไปถึงเก็บรายละเอียดริ้วรอยเล็ก ๆ ในผิวใต้ตาชั้นตื้น
- Restylane Vital อยู่ได้นานประมาณ 12 เดือน มีเนื้อละเอียด เกลี่ยง่ายให้ความเรียบเนียน เหมาะกับฉีดแก้ปัญหาริ้วรอยเล็ก ๆ รอบดวงตา
- Restylane Perlane lyft อยู่ได้นานประมาณ 12 เดือน มีเนื้อแน่น หลังฉีดไม่ฟู มีความคงตัวสูง เหมาะกับฉีดแก้ปัญหาผิวใต้ตาชั้นลึกได้
- Restylane Classic อยู่ได้นานประมาณ 12 เดือน มีเนื้อแน่น เหมาะกับฉีดเก็บรายละเอียดใต้ตาชั้นลึกในผู้ที่ผิวบาง
ระยะเวลาฟิลเลอร์ใต้ตายี่ห้อ Belotero
- Belotero Volume อยู่ได้นานประมาณ 18 เดือน มีเนื้อแน่น ยืดหยุ่นและคงตัวสูง เหมาะกับฉีดเสริมกระดูกใต้ตาชั้นลึก
- Belotero Revive อยู่ได้นานประมาณ 6-9 เดือน มีเนื้อฉ่ำ ช่วยกักเก็บความชุ่มชื้น เหมาะกับฉีดแก้ปัญหาริ้วรอยเล็ก ๆ รอบดวงตา
- Belotero Soft อยู่ได้นานประมาณ 8-12 เดือน มีเนื้อละเอียด มีความเรียบเนียนไปกับผิว เหมาะกับฉีดแก้ปัญหาใต้ตาในผิวชั้นตื้น
ระยะเวลาฟิลเลอร์ใต้ตายี่ห้อ Flore
- Flore AQUA-S อยู่ได้นานประมาณ 6 เดือน มีเนื้อละเอียด ช่วยเติมความชุ่มชื้นให้ผิว เหมาะกับฉีดแก้ปัญหาริ้วรอยเล็ก ๆ รอบดวงตา และเติมเต็มใต้ตาในผิวชั้นตื้นได้
ฟิลเลอร์ใต้ตายี่ห้อไหน รุ่นไหน อยู่ได้นานที่สุด ?
สำหรับผู้ที่สงสัยว่า ฟิลเลอร์ใต้ตา อยู่ได้นานไหม ? รุ่นไหนอยู่ได้นานที่สุด ? จากข้อมูลข้างต้น ฟิลเลอร์ Juvederm Volux เป็นรุ่นที่อยู่ได้นานที่สุด สามารถอยู่ได้นานประมาณ 18-24 เดือน ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับสภาพผิวของแต่ละคน การดูแลหลังการฉีด และการปฏิบัติตามคำแนะนำของแพทย์อย่างเคร่งครัด
โดยฟิลเลอร์ Juvederm Volux เหมาะสำหรับผู้ที่มีใต้ตาลึกมาก หรือต้องการยกกระชับใต้ตา เนื่องจากฟิลเลอร์ Juvederm Volux มีโมเลกุลขนาดใหญ่ มีความยืดหยุ่นสูง และคงรูปได้ดี จึงสามารถช่วยเติมเต็มใต้ตาชั้นลึกได้อย่างมีประสิทธิภาพ ช่วยให้ริ้วรอยร่องลึกใต้ตาดูตื้นขึ้นอย่างเป็นธรรมชาติ
หากใครต้องการผลลัพธ์ที่ยาวนานเพื่อแก้ปัญหาใต้ตา การฉีดฟิลเลอร์ใต้ตาราคาสมเหตุสมผลด้วย Juvederm Volux อาจเป็นตัวเลือกที่เหมาะสม ทั้งนี้ควรปรึกษาแพทย์ที่มีประสบการณ์สูง ก่อนตัดสินใจฉีด เพื่อประเมินสภาพผิวและปัญหาใต้ตา ว่าเหมาะสมกับการฉีดฟิลเลอร์รุ่นนี้หรือไม่
ฉีดฟิลเลอร์ใต้ตาใช้กี่ CC ? ถึงจะสวย และดูเป็นธรรมชาติ
นอกจากยี่ห้อ-รุ่นของฟิลเลอร์ที่ส่งผลต่อราคาแล้ว การฉีดฟิลเลอร์ใต้ตาราคายังขึ้นอยู่กับปริมาณ CC ที่ใช้ด้วย โดยปริมาณฟิลเลอร์ใต้ตาจะขึ้นอยู่กับปัญหาใต้ตาของแต่ละบุคคล โดยปกติจะใช้ประมาณ 1 – 2 CC ต่อข้าง ในกรณีที่มีปัญหาใต้ตาลึกมาก อาจต้องใช้มากกว่า 2 CC
- สำหรับปัญหาใต้ตาลึกเล็กน้อย อาจใช้ฟิลเลอร์ประมาณ 1 CC ต่อข้าง จะช่วยให้ใต้ตาดูตื้นขึ้น ทำให้ใบหน้าดูสดใสขึ้น
- สำหรับปัญหาใต้ตาลึกปานกลาง อาจใช้ฟิลเลอร์ประมาณ 1.5 – 2 CC ต่อข้าง จะช่วยให้ใต้ตาดูตื้นขึ้น
- สำหรับปัญหาใต้ตาลึกมาก อาจใช้ฟิลเลอร์มากกว่า 2 CC ต่อข้าง จะช่วยให้ใต้ตาดูตื้นขึ้นอย่างเห็นได้ชัด ทำให้ใบหน้าดูสดใสและอ่อนเยาว์ขึ้น
อย่างไรก็ตาม ปริมาณฟิลเลอร์ที่ใช้ฉีดอาจแตกต่างกันไปตามเทคนิคการฉีดของแพทย์ หากไม่แน่ใจว่าความลึกใต้ตาของตัวเองอยู่ในระดับไหน สามารถเข้าไปปรึกษาแพทย์ก่อนได้ แพทย์จะประเมินปัญหาใต้ตาของแต่ละบุคคลอย่างละเอียด และพิจารณาปริมาณฟิลเลอร์ที่เหมาะสม
วิธีดูแลตัวเองหลังฉีดฟิลเลอร์ใต้ตา
หลังฉีดฟิลเลอร์ใต้ตาราคาที่คุ้มค่าในคลินิกที่มาตรฐานแล้ว เพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่ดีและปลอดภัย ควรปฏิบัติตามคำแนะนำของแพทย์อย่างเคร่งครัด ดังนี้
- หลีกเลี่ยงการสัมผัสแกะ เกา กดหรือนวดบริเวณใต้ตา เพราะอาจทำให้ฟิลเลอร์เคลื่อนตัว และอักเสบ บวม
- หลังทำสามารถล้างหน้าได้ โดยไม่ขัดหรือนวดหน้าแรง ๆ
- หลีกเลี่ยงการออกแดดและอยู่แต่ในที่อากาศเย็น ๆ ช่วง 3-4 วันแรก เพื่อลดอาการบวมช้ำ
- หลีกเลี่ยงการทำกิจกรรมที่อาจทำให้บริเวณที่ฉีดฟิลเลอร์เกิดการอักเสบ 2 สัปดาห์ เช่น การออกกำลังกาย อบซาวน่า
- ทานยาแก้ปวดตามแพทย์สั่ง เพื่อบรรเทาอาการปวด
- ดื่มน้ำให้เพียงพอ อย่างน้อย 8-10 แก้วต่อวัน เพื่อช่วยให้ฟิลเลอร์อุ้มน้ำได้ดียิ่งขึ้น
- หากมีอาการผิดปกติ เช่น ปวด บวม แดง คันมากผิดปกติ ควรรีบไปพบแพทย์
นอกจากนี้ ควรปฏิบัติดังนี้
- งดทาครีมและแต่งหน้าบริเวณรอยเข็มหลังฉีดฟิลเลอร์ใต้ตา 1 วัน
- หลีกเลี่ยงการทานอาหารดิบ อาหารหมักดอง เพราะจะกระตุ้นให้เกิดการอักเสบได้
- งดสูบบุหรี่และงดดื่มแอลกอฮอล์
- งดทานอาหารรสจัด เช่น รสเผ็ดจัด เค็มจัด หวานจัด ช่วง 3-7 วันแรกหลังฉีด
ข้อควรระวัง ฉีดฟิลเลอร์ใต้ตาราคาถูก อาจเป็นฟิลเลอร์ปลอม!
การฉีดฟิลเลอร์ใต้ตาราคาถูกอาจเป็นฟิลเลอร์ปลอมได้ เนื่องจากฟิลเลอร์ปลอมมักมีต้นทุนการผลิตที่ต่ำกว่าและทำมาจากสารอันตราย เช่น ซิลิโคน พาราฟิน หรือสารอื่น ๆ ที่เป็นอันตรายต่อร่างกาย ในขณะที่ฟิลเลอร์แท้จะผลิตจากสาร Hyaluronic Acid (HA) ซึ่งเป็นสารที่ย่อยสลายได้เองตามธรรมชาติ จึงมีราคาค่อนข้างสูง ทำให้ฟิลเลอร์ราคาถูก มีความเสี่ยงสูงที่จะเป็นฟิลเลอร์ปลอมได้
นอกจากนี้ ฟิลเลอร์ที่ราคาถูกมาก ๆ อาจเป็นฟิลเลอร์หิ้ว ไม่ได้มาตรฐาน ไม่ผ่าน อย. เนื่องจากมีการลักลอบนำเข้าโดยไม่เสียภาษี ส่งผลให้มีต้นทุนที่ต่ำลง หากฉีดไปแล้วอาจทำให้ฟิลเลอร์ใต้ตาเป็นก้อนบวมและไม่เห็นผลลัพธ์ที่ดีเทียบเท่ากับฟิลเลอร์ที่ผ่าน อย. เนื่องจากไม่ได้ผ่านการขนส่งและจัดเก็บในอุณหภูมิที่เหมาะสม ส่งผลให้ฟิลเลอร์เสื่อมสภาพและอาจก่อให้เกิดผลข้างเคียงอันตรายต่อผู้ฉีดได้
ดังนั้น หากต้องการฉีดฟิลเลอร์ใต้ตา ควรเลือกคลินิกที่ได้มาตรฐานและเลือกใช้ฟิลเลอร์แท้ที่ผ่านอย.เท่านั้น เพื่อความปลอดภัยและผลลัพธ์ที่น่าพึงพอใจ
วิธีตรวจสอบฟิลเลอร์ใต้ตาของแท้ว่าผ่าน อย.หรือไม่
- ต้องมีเอกสารกำกับภาษาไทยอยู่ภายในกล่อง
- ต้องมีเลขทะเบียน อย.สามารถตรวจสอบได้
- ต้องมีชื่อและที่อยู่ของผู้ผลิตหรือ
ผู้บริษัทนำเข้า - ต้องมีเลข Lot. ตรงกันทุกจุด
- ต้องมีวันหมดอายุให้เห็นชัดเจน
หากพบฟิลเลอร์ที่มีลักษณะดังต่อไปนี้ ควรหลีกเลี่ยงการฉีดโดยเด็ดขาด
- ฟิลเลอร์ไม่มีฉลากผลิตภัณฑ์
- ฟิลเลอร์ที่มีฉลากไม่ชัดเจนหรือไม่สามารถอ่านได้
- ฟิลเลอร์ที่มีเลขทะเบียน อย.ปลอม
- ฟิลเลอร์ใต้ตาราคาต่ำมากกว่าปกติ
วิธีเช็กคลินิกก่อนตัดสินใจฉีดฟิลเลอร์ใต้ตา ที่ไม่ควรพลาด!
เลือกฉีดฟิลเลอร์ใต้ตา ที่ไหนดี ? ที่ได้มาตรฐาน ปลอดภัย และให้ผลลัพธ์ที่น่าพอใจ สามารถเช็กได้ง่าย ๆ ดังนี้
- ตรวจสอบใบอนุญาตประกอบกิจการ คลินิกที่ได้มาตรฐานจะต้องมีใบอนุญาตประกอบกิจการอย่างถูกต้องจากกระทรวงสาธารณสุข สามารถสังเกตได้จากป้ายชื่อและเลขใบอนุญาต 11 หลัก ที่ติดไว้หน้าคลินิก
- เลือกคลินิกที่ได้มาตรฐาน
มีสถานที่สะอาด ปลอดภัย มีอุปกรณ์และเครื่องมือที่ทันสมัย บุคลากรทางการแพทย์ผ่านการอบรมและมีความชำนาญ โดยปฏิบัติงานตามหลักเกณฑ์และมาตรฐานวิชาชีพเวชกรรมอย่างถูกต้อง - เลือกฉีดฟิลเลอร์ใต้ตากับแพทย์ประสบการณ์สูง ที่มีความรู้ในการฉีดฟิลเลอร์เป็นอย่างดี สามารถใช้เทคนิคการฉีดที่ถูกต้องและเหมาะสมกับสภาพผิวของแต่ละบุคคล เพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่ปลอดภัยและตรงตามความต้องการ
- เลือกคลินิกฉีดฟิลเลอร์ใต้ตาราคาสมเหตุสมผล โดยสอบถามราคาและเงื่อนไขการให้บริการ ก่อนตัดสินใจฉีดฟิลเลอร์จากคลินิกต่าง ๆ เพื่อเปรียบเทียบและเลือกคลินิกที่ราคาเหมาะสมกับคุณภาพและบริการ
- อ่านรีวิวจากผู้ใช้บริการ เป็นอีกหนึ่งวิธีที่จะช่วยให้ตัดสินใจได้ง่ายขึ้น โดยอ่านรีวิวจากผู้ใช้บริการจริง เพื่อดูว่าคลินิกนั้น ๆ มีมาตรฐานการให้บริการอย่างไร ผลลัพธ์ที่ได้เป็นอย่างไร
สรุปเรื่องราคาฉีดฟิลเลอร์ใต้ตา
การฉีดฟิลเลอร์ใต้ตาราคาเริ่มต้นอยู่ที่ประมาณ 9,900 ต่อ 1 CC ถือว่ามีราคาคุ้มค่าเมื่อเทียบกับผลลัพธ์ที่ได้ เพราะช่วยแก้ปัญหาใต้ตาได้อย่างหลากหลาย เห็นผลเร็ว ไม่ต้องใช้เวลาพักฟื้น ทำ 1 ครั้งอยู่ได้นานตั้งแต่ 6 เดือนถึง 2 ปี
สำหรับใครที่ต้องการให้ผลลัพธ์การฉีดฟิลเลอร์ใต้ตาอยู่ได้ยาวนานคุ้มค่ามากขึ้น สิ่งที่ควรให้ความสำคัญแต่แรกเริ่มคือการเลือกทำกับแพทย์ที่มีประสบการณ์ ใช้ฟิลเลอร์แท้ ทำกับคลินิกที่ได้มาตรฐาน และดูแลตัวเองหลังทำตามคำแนะนำของแพทย์อย่างต่อเนื่องค่ะ