Filler

ฉีดฟิลเลอร์ยี่ห้อไหนดี ? 5 Tips เลือกยี่ห้อฟิลเลอร์ให้งานผิวเนียนสวย ไม่โป๊ะ!

ฉีดฟิลเลอร์ยี่ห้อไหนดี พร้อม Tips เลือกยี่ห้อฟิลเลอร์

ฟิลเลอร์ยี่ห้อไหนดี

ฟิลเลอร์ เป็นสารที่ใช้ในการเติมเต็มร่องลึก ปรับรูปหน้า หรือเพิ่มความอิ่มเอิบให้กับใบหน้า ซึ่งมีหลายยี่ห้อหลายรุ่น และแต่ละยี่ห้อแต่ละรุ่น ก็มีข้อดีแตกต่างกันไป ขึ้นอยู่กับคุณสมบัติของสารเติมเต็มและเทคโนโลยีการผลิต แล้วฟิลเลอร์ยี่ห้อไหน ? ฉีดแล้วช่วยให้ได้งานผิวสวย ฉ่ำ เรียบเนียน ไม่เป็นก้อน ?

ในบทความนี้ Thaibestbeauty มีคำตอบเกี่ยวกับเคล็ดลับการเลือกฟิลเลอร์ยี่ห้อไหนดี ให้เหมาะสมกับสภาพผิวและความต้องการ รวมถึง list ยี่ห้อฟิลเลอร์ที่นิยมใช้ เหตุผลที่ฟิลเลอร์มีหลายยี่ห้อ การหลีกเลี่ยงฟิลเลอร์ปลอม ราคาฟิลเลอร์แต่ละยี่ห้อ และการเตรียมตัวและการดูแล ก่อน-หลังฉีดฟิลเลอร์ 


ทำความรู้จักฟิลเลอร์ คืออะไร ? ก่อนเลือกยี่ห้อ Filler

ก่อนเลือกฟิลเลอร์ยี่ห้อไหนดี ? ควรทำความรู้จักก่อนว่าฟิลเลอร์ คืออะไร ? มีลักษณะอย่างไรในเบื้องต้น

ฟิลเลอร์ คือ ไฮยาลูรอน (Hyaluronic Acid) อีกรูปแบบหนึ่งที่นำมาใช้ในการฉีดเข้าไปในผิวหนัง เพื่อแก้ไขความบกพร่องต่าง ๆ บนใบหน้า เช่น ริ้วรอย ร่องลึก ร่องแก้ม ใต้ตา รวมไปถึงการฉีดเสริมในจุดต่าง ๆ เช่น คาง หน้าผาก ขมับและจมูก ซึ่งฟิลเลอร์มีคุณสมบัติในการอุ้มน้ำ จึงช่วยเพิ่มความชุ่มชื้นให้กับผิวบริเวณที่ฉีดด้วย  

ฟิลเลอร์คืออะไร ก่อนเลือกยี่ห้อไหนดีควรรู้
ลักษณะหน้าตาของฟิลเลอร์จะเป็นเนื้อเจลใส ไม่มีสี
และมีความหนาแน่นของเม็ดฟิลเลอร์แตกต่างกัน

ฟิลเลอร์ยี่ห้อไหนดี ? ได้รับความนิยม 

ฟิลเลอร์ยี่ห้อไหนดี ได้รับความนิยม 

1. ฟิลเลอร์ Restylane สัญชาติสวีเดน 

ฟิลเลอร์ Restylane สัญชาติสวีเดน ผลิตโดยบริษัท Galderma ประเทศสวิตเซอร์แลนด์ ผ่านการรับรองจากองค์การอาหารและยาของประเทศไทย (อย.) สหรัฐอเมริกา (USFDA) และ EDQM

ฟิลเลอร์ Juvederm มีจุดเด่น คือ 

  • ใช้เทคโนโลยี NASHA technology ในการผลิตฟิลเลอร์ Restylane รุ่นแรก ทำให้ได้เนื้อฟิลเลอร์ที่มีความคงตัวสูง ช่วยให้ผลลัพธ์ที่ได้ดูเป็นธรรมชาติ ไม่เป็นก้อนแข็งหรือยืดหยุ่นเกินไป 
  • ใช้เทคโนโลยี OBT technology ในการผลิตฟิลเลอร์ Restylane รุ่นล่าสุด ทำให้ได้เนื้อฟิลเลอร์ที่มีโมเลกุลขนาดเล็ก กระจายตัวได้ดี เหมาะสำหรับการฉีดบริเวณที่มีเนื้อเยื่ออ่อน เช่น ริมฝีปาก 

ฟิลเลอร์ Restylane มี 8 รุ่น ที่แพทย์นิยมใช้ ดังนี้ 

รุ่นฟิลเลอร์ Restylane ที่ใช้เทคโนโลยี NASHA technology

  • Restylane Perlane lyft  ฟิลเลอร์เนื้อแน่น มีความคงตัวสูง ไม่ฟู และสามารถคงรูปได้ดีที่สุด เหมาะสำหรับฉีดฟิลเลอร์ใต้ตา ฟิลเลอร์จมูก ฟิลเลอร์คาง
  • Restylane Vital Light ฟิลเลอร์เนื้อละเอียด เจลอนุภาคเล็ก แก้ไขจุดที่มีปัญหาเล็กๆ น้อยๆ เหมาะสำหรับฉีดเก็บรายละเอียด ใต้ตา/ผิวชั้นตื้น/ปาก
  • Restylane Vital ฟิลเลอร์เนื้อละเอียด เกลี่ยง่าย เหมาะสำหรับฉีดใต้ตา หน้าผาก ให้ผลเรียบเนียน เป็นธรรมชาติ
  • Restylane Classic ฟิลเลอร์เนื้อแน่น ออกแบบมาสำหรับแก้ปัญหาริ้วรอยระดับปานกลางถึงมาก ใช้เก็บรายละเอียดใต้ตาในผิวชั้นลึกสำหรับคนผิวบาง ใต้ตา/ร่องแก้ม

รุ่นฟิลเลอร์ Restylane ที่ใช้เทคโนโลยี OBT technology

  • Restylane Volyme ฟิลเลอร์เนื้อนิ่ม ใช้เติมชั้นผิวให้อิ่มฟูขึ้น เหมาะสำหรับฉีดฟิลเลอร์ปาก/แก้มตอบ/มุมปาก/ร่องแก้ม
  • Restylane Defyne ฟิลเลอร์เนื้อแน่น เนื้อเจลมีความนิ่มปานกลางและยืดหยุ่นสูง ใช้ฉีดกระดูกที่ยุบตัวในผิวชั้นลึก เหมาะสำหรับฉีด ใต้ตา
  • Restylane Refyne ฟิลเลอร์เนื้อนิ่ม มีลักษณะยืดหยุ่น ช่วยแก้ปัญหาริ้วรอยลึกที่เกิดจากการยิ้ม เน้นการเติมเต็มริ้วรอยเล็กๆ เหมาะสำหรับฉีดฟิลเลอร์ปากปาก ฟิลเลอร์ร่องแก้ม ฟิลเลอร์ยกมุมปาก
  • Restylane Kysse ฟิลเลอร์เนื้อละเอียด แต่มีความคงตัว สร้างขอบริมฝีปากที่ชัดเจนให้ความชุ่มชื้นและความอวบอิ่ม ออกแบบมาสำหรับใช้เติมเต็มริมฝีปากโดยเฉพาะ

2. ฟิลเลอร์ Juvederm สัญชาติอเมริกา  

ฟิลเลอร์ Juvederm สัญชาติอเมริกา ผลิตโดยบริษัท Allergan สหรัฐอเมริกา และนำเข้าโดยบริษัท อัลเลแกน (ประเทศไทย) จำกัด ซึ่งเป็นบริษัทย่อย บริษัทเดียวกับที่นำเข้าตัวยาโบท็อก Allergan ผ่านการรับรองจากองค์การอาหารและยาของประเทศไทย (อย.) สหรัฐอเมริกา (USFDA) และ EDQM

ฟิลเลอร์ Juvederm มีจุดเด่น คือ 

  • ใช้เทคโนโลยี Hylacross Technology  ในการผลิตฟิลเลอร์ Juvederm รุ่นแรกทำให้ได้เนื้อฟิลเลอร์ที่มีความยืดหยุ่นสูง ทนต่อการขยับได้ดี เหมาะฉีดบริเวณที่มีการขยับบ่อย ๆ
  • ใช้เทคโนโลยี Vycross Technology ในการผลิตฟิลเลอร์ Juvederm รุ่นล่าสุด ทำให้ได้เนื้อฟิลเลอร์ที่ยึดเกาะแน่น คงตัว ช่วยยกกระชับ บวมน้ำน้อย ฉีดแล้วไม่เป็นก้อน ไม่บวม ดูเรียบเนียน เป็นธรรมชาติ อยู่ได้นาน

โดยฟิลเลอร์ Juvederm มี 6 รุ่น ที่แพทย์นิยมใช้ ดังนี้ 

รุ่นฟิลเลอร์ Juvederm ที่ใช้เทคโนโลยี Vycross Technology

  • Juvederm Voluma ฟิลเลอร์เนื้อแน่นและฟูปานกลาง มีความยืดหยุ่นสูง เหมาะสำหรับฉีดฟิลเลอร์ใต้ตา/คาง/ขมับ/ปาก/ร่องแก้ม
  • Juvederm Volbella ฟิลเลอร์เนื้อนิ่ม ที่มีความละเอียดมากที่สุด เหมาะสำหรับฉีดฟิลเลอร์หน้าผาก
  • Juvederm Volift ฟิลเลอร์เนื้อนิ่ม ที่มีความละเอียดมากกว่ารุ่น Ultraplus เหมาะกับคนผิวบาง เหมาะสำหรับฉีด ปาก/แก้มตอบ/มุมปาก/ร่องแก้ม/หว่างคิ้ว
  • Juvederm Volite ฟิลเลอร์เนื้อละเอียด ช่วยเพิ่มความชุ่มชื้น มีความเป็นธรรมชาติ เหมาะสำหรับฉีด ใต้ตา/บำรุงผิวชุ่มชื้น
  • Juvederm Volux ฟิลเลอร์เนื้อแน่น มีโมเลกุลขนาดใหญ่ จึงมีความยืดหยุ่นสูง ปั้นทรงสวย และคงรูปได้ดีที่สุด เหมาะสำหรับฉีดฟิลเลอร์คาง/ใต้ตา/ขมับ/ร่องแก้มชั้นลึก

รุ่นฟิลเลอร์ Juvederm ที่ใช้เทคโนโลยี Hylacross Technology 

  • Juvederm Ultra Plus ฟิลเลอร์เนื้อนิ่ม ฉีดแล้วฟูมาก ทำให้เต็มสวย เหมาะสำหรับฉีดฟิลเลอร์ขมับ/ปาก/ร่องแก้ม

3. ฟิลเลอร์ Belotero สัญชาติสวิตเซอร์แลนด์  

ฟิลเลอร์ Belotero สัญชาติสวิตเซอร์แลนด์ ผลิตโดยบริษัท Merz Aesthetics ประเทศเยอรมนี และนำเข้าโดยบริษัท เมิร์ซ เฮลธ์แคร์ (ประเทศไทย) จำกัด ผ่านการรับรองจากองค์การอาหารและยาของประเทศไทย (อย.) สหรัฐอเมริกา (FDA) และเยอรมนี (BfArM)

ฟิลเลอร์ Belotero มีจุดเด่น คือ ผลิตด้วยเทคโนโลยี CPM Technology ทำให้ได้เนื้อฟิลเลอร์ที่มีความยืดหยุ่นและคงตัวสูง สามารถปั้นทรงได้ง่าย ฉีดแล้วเรียบเนียนไม่เป็นก้อน และได้ผลลัพธ์ที่ธรรมชาติ 

โดยฟิลเลอร์ Belotero มี 3 รุ่น ที่แพทย์นิยมใช้ ดังนี้

  • Belotero Intense ฟิลเลอร์เนื้อแน่น มีความยืดหยุ่นสูง มีจุดเด่นในการใช้แก้ปัญหาร่องลึกมากๆ จากการยุบตัวของเนื้อเยื่อผิวหนัง เหมาะสำหรับฉีด ร่องแก้ม/เติมแก้มตอบ/คาง
  • Belotero Volume ฟิลเลอร์เนื้อแน่น มีความยืดหยุ่นและคงตัวสูง เหมาะสำหรับฉีดเสริมกระดูกใต้ตาชั้นลึก
  • Belotero Revive ฟิลเลอร์เนื้อละเอียด มีส่วนประกอบของกลีเซอรอล ช่วยเพิ่มและกักเก็บความชุ่มชื้นให้ผิว ช่วยบำรุงผิวอิ่มน้ำ ฉ่ำวาว ดูเปล่งปลั่ง และลดริ้วรอยเล็ก ๆ ในผิวชั้นตื้น เหมาะฉีดฟิลเลอร์ใต้ตา/ปรับสภาพผิวหน้า/ปาก/ลำคอ/หลังมือ

4. ฟิลเลอร์ Definisse สัญชาติอิตาลี   

ฟิลเลอร์ Definisse เป็นฟิลเลอร์สัญชาติอิตาลี ผลิตโดยบริษัท RELIFE Menarini Group บริษัทด้านเวชศาสตร์ความงามระดับโลกจากประเทศอิตาลี นำเข้าและจัดจำหน่ายโดยบริษัท เอ.เมนารินี (ประเทศไทย) จำกัด บริษัทเดียวกับที่นำเข้าไหมอิตาลี หรือไหม Definisse ผ่านการรับรองจากองค์การอาหารและยาของประเทศไทย (อย.) 

ฟิลเลอร์ Definisse มีจุดเด่น คือ ผลิตด้วยนวัตกรรมใหม่ล่าสุดในกลุ่ม HA Dermal Filler โดยเทคโนโลยี XTR™ Technology ทำให้ได้เนื้อฟิลเลอร์ที่มีคุณสมบัติคงสภาพดี ปั้นทรงง่าย สามารถยกกระชับและปรับรูปหน้าได้ดี ฉีดแล้วไม่บวมน้ำ ไม่ช้ำ ไม่เป็นก้อน หลังฉีดเห็นผลลัพธ์ได้ชัดเจนและดูเป็นธรรมชาติ

โดยฟิลเลอร์ Definisse มี 2 รุ่น ที่แพทย์นิยมใช้ ดังนี้

  • Definisse Restore ฟิลเลอร์เนื้อนิ่ม มีความแข็งปานกลาง เหมาะกับการเติมริ้วรอยร่องลึก ริ้วรอยหย่อนคล้อยตามวัย เติมร่องแก้ม ร่องมุมปาก
  • Definisse Core ฟิลเลอร์เนื้อแน่น เหมาะกับการเสริมกระดูก ปรับรูปหน้า เติม mid-face คาง กรอบหน้า

5. ฟิลเลอร์ Flore สัญชาติเกาหลี 

ฟิลเลอร์ Flore เป็นฟิลเลอร์สัญชาติเกาหลี ผลิตและนำเข้าโดยบริษัท บอน-ซอง จำกัด ผ่านการรับรองจากองค์กรอาหารและยาของประเทศไทย (อย.) และเกาหลี (KFDA) 

ฟิลเลอร์ Flore มีจุดเด่น คือผลิตด้วยเทคโนโลยี HCCL Technology และ PP-Process (Particle Plastic Proces) ซึ่งเป็นเทคโนโลยีแบบเฉพาะ ที่ช่วยทำให้ตัวคุณสมบัติของฟิลเลอร์นั้นอ่อนนุ่ม ยืดหยุ่นได้ดี คงตัวได้นานขึ้น ปั้นได้ง่าย ยึดเกาะกับชั้นผิวหนังได้ดี และสลายตัวได้ช้าลง

โดยฟิลเลอร์ Flore มี 2 รุ่น ที่แพทย์นิยมใช้ ดังนี้  

  • Flore Full MAX (กล่องส้ม) ฟิลเลอร์เนื้อแน่น เหมาะกับการฉีดเติมเต็มและลดริ้วรอยในชั้นไขมัน คาง/ขมับ
  • Flore Flore Full Aqua-S (กล่องฟ้า) ฟิลเลอร์เนื้อละเอียด  เหมาะกับการฉีดปรับสภาพผิวทั่วหน้า/ลดริ้วรอยร่องมุมปาก/ร่องแก้ม/หน้าผาก/ลำคอ/หลังมือ

เหตุผลที่ฟิลเลอร์มีหลายยี่ห้อ หลายรุ่น 

เหตุผลที่ฟิลเลอร์มีหลายยี่ห้อ หลายรุ่น
  • เทคโนโลยีการผลิต  เทคโนโลยีการผลิตที่แตกต่างกันอาจส่งผลต่อคุณสมบัติของฟิลเลอร์ เช่น ความคงตัว ความยืดหยุ่น ระยะเวลาที่อยู่ได้
  • ส่วนผสมอื่น ๆ ฟิลเลอร์บางยี่ห้ออาจมีส่วนผสมอื่น ๆ เช่น ยาชาหรือสารป้องกันการแข็งตัวของเลือด ซึ่งอาจส่งผลต่อผลข้างเคียงและความปลอดภัย
  • ความเหมาะสมกับตำแหน่งที่ต้องการฉีด ฟิลเลอร์แต่ละยี่ห้อและรุ่นอาจเหมาะกับตำแหน่งที่ต้องการฉีดที่แตกต่างกัน เช่น ร่องแก้ม ร่องใต้ตา ขมับ คาง ปาก เป็นต้น
  • ความเหมาะสมกับความต้องการและสภาพผิว ฟิลเลอร์แต่ละยี่ห้อและรุ่นอาจเหมาะกับความต้องการและสภาพผิวที่แตกต่างกัน เช่น ต้องการเติมเต็มร่องลึก หรือต้องการยกกระชับใบหน้า เป็นต้น

แนวทางการเลือกฉีดฟิลเลอร์ยี่ห้อไหนดี ?

Tips ก่อนเลือกฟิลเลอร์ยี่ห้อไหนดี

1. ปรึกษาแพทย์ที่มีประสบการณ์ก่อนเสมอ

การปรึกษากับแพทย์ที่มีประสบการณ์ คือสิ่งสำคัญที่สุดในการเลือกฟิลเลอร์ยี่ห้อไหนดี เนื่องจากแพทย์จะสามารถให้คำแนะนำที่เหมาะสมกับสภาพผิวและความต้องการของแต่ละบุคคลได้ 

โดยแพทย์ที่มีประสบการณ์จะพิจารณาจากปัจจัยต่าง ๆ ดังนี้ 

  • สภาพผิวและความต้องการของคนไข้ แพทย์จะสอบถามถึงสภาพผิวและความต้องการของคนไข้ เพื่อพิจารณาว่าต้องการเติมเต็มบริเวณใด ต้องการผลลัพธ์แบบใด
  • ประวัติทางการแพทย์ของคนไข้ แพทย์จะสอบถามถึงประวัติทางการแพทย์ของคนไข้ เพื่อดูว่ามีโรคประจำตัวหรือแพ้สารใด ๆ หรือไม่
  • ผลข้างเคียงที่อาจเกิดขึ้นกับคนไข้ แพทย์จะอธิบายถึงผลข้างเคียงที่อาจเกิดขึ้นจากการฉีดฟิลเลอร์ เพื่อให้คนไข้เข้าใจและเตรียมรับมือได้

2. พิจารณาถึงสภาพผิวและความต้องการของตนเอง 

ก่อนฉีดฟิลเลอร์ยี่ห้อไหนดี ควรพิจารณาตัวเอง ด้วยการถามคำถามกับตัวเองในเรื่องของ

  • สภาพผิวและความต้องการ ต้องการฉีดฟิลเลอร์เติมเต็มบริเวณใด ? ต้องการผลลัพธ์แบบไหน ?
  • ประวัติทางการแพทย์ มีโรคประจำตัวหรือแพ้สารใด ๆ หรือไม่ ?
  • งบประมาณ มีงบในการฉีดฟิลเลอร์เท่าไหร่ ?

การถามคำถามเหล่านี้กับตัวเองจะช่วยให้ตัดสินใจเลือกยี่ห้อฟิลเลอร์ได้อย่างเหมาะสม 

3. พิจารณาประสบการณ์ของแพทย์ก่อนฉีดฟิลเลอร์ 

การพิจารณาประสบการณ์ของแพทย์ก่อนฉีดฟิลเลอร์ถือเป็นส่วนสำคัญเช่นกัน เพราะถึงจะเลือกยี่ห้อฟิลเลอร์ดีแค่ไหน หากแพทย์ที่ฉีด ฉีดด้วยเทคนิคไม่ถูกต้อง ก็อาจส่งผลทำให้ได้ผลลัพธ์หลังฉีดฟิลเลอร์ที่ไม่ตรงความต้องการ ดูไม่ธรรมชาติ หรือฟิลเลอร์เป็นก้อนได้  

ดังนั้น ควรเลือกแพทย์ที่มีประสบการณ์ในการฉีดฟิลเลอร์ ใช้เทคนิคการฉีดที่ถูกต้อง ฉีดถูกชั้นผิว แก้ไขปัญหาได้ตรงจุด ฉีดแล้วดูเป็นธรรมชาติ เรียบเนียน ไม่เป็นก้อน

4. ศึกษาข้อมูลฟิลเลอร์แต่ละยี่ห้อแต่ละรุ่นอย่างละเอียด 

การศึกษาข้อมูลฟิลเลอร์แต่ละยี่ห้ออย่างละเอียด ก่อนฉีดฟิลเลอร์ยี่ห้อไหนดีเป็นสิ่งที่ควรทำ เพื่อที่จะได้เลือกฟิลเลอร์ที่เหมาะสมกับความต้องการและปลอดภัย โดยข้อมูลที่ต้องพิจารณาในการเลือกฟิลเลอร์แต่ละยี่ห้อแต่ละรุ่น มีดังนี้ 

  • ความปลอดภัย ฟิลเลอร์ทุกยี่ห้อต้องได้รับการรับรองจากสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) จึงมั่นใจได้ว่าปลอดภัยและมีคุณภาพ
  • คุณสมบัติ ฟิลเลอร์แต่ละยี่ห้อจะมีคุณสมบัติที่แตกต่างกันไป เช่น โมเลกุลของฟิลเลอร์ ความคงตัว ความยืดหยุ่น เป็นต้น ควรพิจารณาคุณสมบัติของฟิลเลอร์ให้เหมาะกับบริเวณที่ต้องการฉีด
  • ราคา ราคาของฟิลเลอร์แต่ละยี่ห้อจะแตกต่างกันไป ควรพิจารณาราคาให้เหมาะสมกับงบประมาณ
  • ระยะเวลาที่ฟิลเลอร์อยู่ได้ ฟิลเลอร์แต่ละยี่ห้อจะอยู่ได้นานแตกต่างกันไป ควรพิจารณาระยะเวลาที่ฟิลเลอร์อยู่ได้ให้เหมาะสมกับความต้องการ
  • ผลข้างเคียงที่อาจเกิดขึ้น ฟิลเลอร์ทุกยี่ห้ออาจทำให้เกิดผลข้างเคียงได้ เช่น บวม แดง คัน เป็นต้น ควรศึกษาข้อมูลผลข้างเคียงที่อาจเกิดขึ้นก่อนตัดสินใจ

5. อ่านรีวิวฟิลเลอร์จากผู้ที่มีประสบการณ์ฉีดฟิลเลอร์ยี่ห้อต่าง ๆ 

ควรเลือกอ่านรีวิวจากแหล่งที่มาที่น่าเชื่อถือ จำนวนหลาย ๆ โพสต์ ก่อนเลือกฉีดฟิลเลอร์ยี่ห้อไหนดี เพราะ

  • ช่วยให้เราเข้าใจคุณสมบัติและข้อดีของฟิลเลอร์แต่ละยี่ห้อมากขึ้น 
  • ช่วยให้เห็นผลลัพธ์ที่คาดหวังได้ จากรีวิวของผู้ใช้จริง 
  • ช่วยให้มั่นใจในความปลอดภัยของฟิลเลอร์ยี่ห้อนั้น ๆ 

การหลีกเลี่ยงฟิลเลอร์ปลอม 

เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดความเสี่ยงอันตรายจากการฉีดฟิลเลอร์ปลอม ที่ก่อให้เกิดการอักเสบติดเชื้อ หรือร้ายแรงถึงขั้นตาบอด ก่อนเลือกคลินิกฉีดฟิลเลอร์ที่ไหน ควรพิจารณาให้แน่ใจ ดังนี้  

วิธีการหลีกเลี่ยงฟิลเลอร์ปลอม

  • ตรวจสอบคลินิกที่สนใจเข้ารับการรักษา ว่าเป็นคลินิกที่ได้มาตรฐาน ได้รับใบอนุญาตอย่างถูกต้องหรือไม่
  • แพทย์ที่ฉีดฟิลเลอร์(Filler) เป็นแพทย์ตัวจริงหรือไม่ และมีประสบการณ์มากน้อยเพียงใด แนะนำควรมีประสบการณ์อย่างน้อย 5-10 ปี เพื่อประเมินปัญหา และวางแผนการรักษาได้ถูกต้องแม่นยำ
  • ตรวจสอบฟิลเลอร์ที่ใช้ว่าผ่านอย.ไทยหรือไม่ ฟิลเลอร์ประเภทเดียวที่ผ่านอย.ไทยคือ ฟิลเลอร์ที่ใช้สารเติมเต็มกรดไฮยาลูรอนิก (Hyaluronic acid) สามารถสลายได้เองตามธรรมชาติ
  • สังเกตฉลากและบรรจุภัณฑ์ของฟิลเลอร์ ต้องมีข้อมูลครบถ้วนชัดเจน เช่น ชื่อยี่ห้อ เลขอย. เลขที่ Lot No. วันผลิต วันหมดอายุ เลขที่อ้างอิง (Reference No.)
  • สอบถามแพทย์หรือเจ้าหน้าที่เกี่ยวกับฟิลเลอร์ที่ใช้ ว่ามีคุณสมบัติและลักษณะอย่างไร เพื่อความมั่นใจ

ราคาฟิลเลอร์แต่ละยี่ห้อ เท่าไหร่ ?

ราคาฟิลเลอร์ ขึ้นอยู่กับรุ่นฟิลเลอร์และปริมาณ CC ที่ใช้ โดยฟิลเลอร์แต่ละยี่ห้อ มีราคาประมาณนี้

  • ราคาฟิลเลอร์ยี่ห้อ Juvederm อยู่ที่ 11,000-18,000 บาท / CC 
  • ราคาฟิลเลอร์ยี่ห้อ Restylane อยู่ที่ 14,000-16,000 บาท / CC 
  • ราคาฟิลเลอร์ยี่ห้อ Belotero อยู่ที่ 9,900-14,000 บาท / CC 
  • ราคาฟิลเลอร์ยี่ห้อ Definisse อยู่ที่ 15,000-16,000 บาท / CC 
  • ราคาฟิลเลอร์ยี่ห้อ Flore อยู่ที่ 7,900-9,900 บาท / CC 

การเตรียมตัวและการดูแลก่อน-หลังฉีดฟิลเลอร์ 

การเตรียมตัวก่อนฉีดฟิลเลอร์

  • งดยาบางชนิดก่อนฉีดฟิลเลอร์ เช่น ยาแอสไพริน ยาแก้อักเสบชนิดไม่ใช่สเตียรอยด์ (NSAIDs) ยาทาผลัดเซลล์ผิว
  • งดการแว็กขน ดึงหรือโกนขนในบริเวณที่จะฉีดฟิลเลอร์
  • งดการดื่มแอลกอฮอล์และเครื่องดื่มที่มีคาเฟอีนก่อนฉีดฟิลเลอร์ 24 ชั่วโมง

การดูแลหลังฉีดฟิลเลอร์

  • งดแต่งหน้าบริเวณที่ฉีดฟิลเลอร์อย่างน้อย 24 ชั่วโมง
  • หลีกเลี่ยงการสัมผัส กดนวด หรือขยับบริเวณที่ฉีดฟิลเลอร์
  • รับประทานยาแก้ปวดหรือยาลดบวมที่แพทย์ให้มา
  • ดื่มน้ำให้เพียงพอต่อวัน

ข้อควรระวังหลังฉีดฟิลเลอร์แต่ละยี่ห้อ

  • อาการบวมแดง เขียวช้ำ ปวด หรือคันบริเวณที่ฉีดเป็นอาการปกติ มักหายไปเองภายใน 2-3 วัน
  • หากมีอาการบวมมากหรือนานเกิน 3-7 วัน ควรไปพบแพทย์
  • งดการเลเซอร์ อบไอน้ำ หรือทำทรีตเมนต์อื่น ๆ บริเวณที่ฉีดฟิลเลอร์เป็นเวลา 1 เดือน
  • งดการว่ายน้ำ ซาวน่า หรือออกกำลังกายหนัก บริเวณที่ฉีดฟิลเลอร์เป็นเวลา 2 วัน

สรุปเรื่องฉีดฟิลเลอร์ ยี่ห้อไหนดี

ก่อนเลือกฟิลเลอร์ยี่ห้อไหนดี ไม่ว่าจะเป็นฟิลเลอร์ยี่ห้อ Juvederm,Restylane, Belotero, Definisse หรือ  Flore อย่าลืมนำทริคที่เรามาบอกต่อไปพิจารณา เพื่อจะได้เลือกยี่ห้อฟิลเลอร์ได้ตรงกับสภาพผิวและความต้องการ รวมถึงมีความปลอดภัย ไม่เสี่ยงต่อการเจอผลข้างเคียงอันตรายและปัญหาหลังฉีดฟิลเลอร์